Limousine-Taxi service by NUCHNAMCHOK

Tuesday, October 14, 2008

ไม่มีครั้งใด...แตกแยก เท่าครั้งนี้!


ห้องอาหารของบริษัทหลายแห่ง ปิดป้ายงดวิจารณ์การเมือง
วงสนทนาของเพื่อนฝูงที่เมื่อก่อนพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ชั่วโมงนี้ ถ้าไม่อยากให้วงเหล้าจืดชืด ต้องไม่เอาเรื่อง พันธมิตรฯ กับ ทักษิณ มาเป็นประเด็นสนทนา
หลายครอบครัวในเมือง เถียงกันเรื่องการเมือง ฝ่ายเมียอาซิ่ม นั่งดู การชุมนุมของพันธมิตรฯ จากเอเอสทีวี ทั้งวันทั้งคืน ปากก็ด่า รัฐบาลทรราช ตำรวจป่าเถื่อน
ขณะที่ผัว อาแป๊ะ เกลียดพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์เข้ากระดูกดำ ก่นด่าและสาปแช่งวันละสามเวลา ก่อนหน้านี้ ผัวเมียคู่นี้เคยไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนรถไฟด้วยกัน แต่เดี๋ยวนี้ต่างคนต่างอยู่ ไม่หันหน้ามาคุยกัน เพราะคุยกันครั้งใด เป็นต้องเถียงกัน แหลกราญ ล่าสุด เมียอาซิ้ม ออกจากบ้านไปร่วมชุมนุม ไม่กลับบ้าน อาแป๊ะ เซื่องซึม ไม่พูดกับใครที่จังหวัดนครราชสีมา ชาวบ้านตั้งวงกินเหล้า เปิดทีวีดูข่าวตำรวจสลายม็อบ คนหนึ่งเชียร์ตำรวจ อีกคนเชียร์พันธมิตรฯ เถียงกันไปเถียงกันมา ฝ่ายด่าม็อบชักมีดแทงฝ่ายเชียร์ม็อบพันธมิตรฯ ดับ
ส.ส. พรรครัฐบาล ยอมรับว่า แม่ของตัวเอง มาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ ขับไล่รัฐบาล
แม่ค้าตลาดสะพานควาย เบื่อม็อบเต็มที หลุดปากว่าตำรวจน่าจะจัดการไอ้พวกม็อบให้ราบคาบ ขายของไม่ได้แล้ว
ในกองบรรณาธิการข่าวหลายแห่ง เกิดปัญหานักข่าวอิน กบกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างถอนตัวไม่ขึ้น บางคนกลายเป็นหน่วยข่าวของพันธมิตรฯ และปกป้องพันธมิตรฯ อย่างออกหน้า นักข่าวสาวใหญ่คนหนึ่งทำงานให้ แป๊ะลิ้ม แต่สามีของเธอเป็นนักเขียนประจำแมกกาซีน "ฟ้าเดียวกัน"
เดี๋ยวนี้ เวลาขึ้นแท็กซี่ ห้ามพูดเรื่องการเมือง หรือแม้แต่โทรมือถือด่าทักษิณ เพราะผู้โดยสารกับแท็กซี่อาจทะเลาะกันด้วยเรื่องการเมือง
เดี๋ยวนี้ นักข่าวไปสัมภาษณ์แหล่งข่าว คำถามแรกที่แหล่งข่าวรุกถามนักข่าวก่อนก็คือ ...คุณเป็นพวกไหน !!!
ขณะที่ในรั้วมหาวิทยาลัย คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ อาจารย์สอนกฎหมายผู้หนึ่ง นามสกุล "ณ นคร" ประกาศตัวเป็นพันธมิตรฯ นำผ้าสีเหลืองกู้ชาติปิดหน้าประตูพักอาจารย์ ใครไปใครมาก็รู้กันไปเลยว่า เป็นนักกฎหมาย ที่ฝักใฝ่พันธมิตรฯ
กูรูกฎหมายมหาชนรุ่นคุณปู่ชื่อดัง สนใจแนวคิดการเมืองใหม่ของ "คำนูณ สิทธิสมาน" จนถูกกลุ่มอาจารย์หนุ่มสาวที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยแบบตะวันตก ร่วมกันแอนตี้ ...รุมถอนหงอก
แต่ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ แปลกแยกกว่านั้น มีทั้งอาจารย์ที่ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ มีทั้งอาจารย์ที่ด่าพันธมิตรฯ มีทั้งอาจารย์ที่ด่าอาจารย์ด้วยกันเองว่า "เฮงซวย มั่วแหลก"
ในห้องเลกเชอร์ระดับปริญญาโท อาจารย์กับลูกศิษย์เถียงกัน เพราะอาจารย์ชื่นชอบทักษิณ แต่ลูกศิษย์เป็นแฟนพันธมิตรฯ
แม้แต่ในการรถไฟแห่งประเทศไทย พนักงานจำนวนมากก็ไม่เห็นด้วยกับสหภาพการรถไฟฯ ที่หยุดเดินรถ ประท้วงรัฐบาล เช่นเดียวกับพนักงานการบินไทย จำนวนไม่น้อยก็รับไม่ได้กับการที่กัปตัน (กู้ชาติ) ไล่ผู้โดยสารลงจากเครื่องบิน ด้วยสาเหตุ ผู้โดยสารเป็น ส.ส.พรรคพลังประชาชน
ถามกันว่า เคยไหมที่สังคมไทย เคยแตกแยกเช่นนี้มาก่อน
คนวัย 40 กว่า อย่าง ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ผู้เคยผ่านเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 บอกว่า ความแตกร้าวในช่วงขวาพิฆาตซ้าย บาดลึกมิใช่น้อย เพราะในครอบครัวใดที่ลูกสาวลูกชายเข้าป่า ครอบครัวนั้นแทบล่มสลาย
แต่คนวัย 60 กว่า เช่น ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือเอ็กซิมแบงก์ เล่าว่า ความขัดแย้ง พ.ศ.นี้น่าจะเทียบได้กับช่วงหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 ในสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ครั้งนั้นการต่อสู้ระหว่างคณะราษฎรกับระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ยืดเยื้อยาวนานนับสิบปี
ขณะที่ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ และ ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ คณะนิติศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เห็นตรงกันว่า ความขัดแย้งรอบนี้ลึกถึงโครงสร้าง อาจต้องใช้เวลาเยียวยานานนับ 10 ปี ก็เป็นได้ แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นรุ่นไหน ถ้าคุณมีสติ และปัญญา คุณย่อมคิดได้เองว่า คุณควรวางตัวเช่นไร! ในห้วงที่คนในบ้านเมืองหลายๆ คน ไร้สติ

0 comments: